วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

Youtube คืออะไร


Youtube คืออะไร
YouTube เป็นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวิดีโอที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่สำคัญทุกอย่างที่นี่ฟรี โดยในเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้สามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป เปิดดูภาพวิดีโอที่มีอยู่ และแบ่งภาพวิดีโอ เหล่านี้ให้คนอื่นดูได้ด้วย
ที่มาจุดเริ่มต้นของ YouTube จนทำให้ได้รับความนิยมและกลายมาเป็นที่รู้จักมากขึ้นนั้น เกิดจากคลิปวิดีโอ Lazy Sunday ที่มาจากรายการสด "Saturday Night " ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBC ทำให้ชื่อเสียงเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว จนทำให้สถานีโทรทัศน์ NBC ขอให้ YouTube ย้ายคลิปวิดีโอรายการซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ NBC รวมทั้ง Lazy Sunday และคลิปโอลิมปิค 2006 ออกจากเว็บไซต์ของ YouTube โดยด่วน ต่อมากระแสความดังของ YouTube ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ทำให้สถานีโทรทัศน์ NBC หันกลับมามองผลประโยชน์ของ YouTube อีกครั้ง โดยมีข้อตกลงร่วมกันที่จะให้สถานีโทรทัศน์ NBC เผยแพร่ตัวอย่างคลิปรายการของ YouTube ส่วนเว็บไซต์ YouTube ก็จะนำตัวอย่างรายการของ NBC แสดงทางเว็บไซต์เพื่อเป็นการโฆษณารายการไปในตัวด้วย ทำให้กระแสของ YouTube จากเดิมที่เป็นเพียงเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับความนิยม ได้กลายมาเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

หลักการทำงานYouTube
ใช้ระบบในการให้บริการโดยใช้โปรแกรม Adobe Flash เรียบเรียงเนื้อหาบนเว็บไซต์ รวมไปถึงไฟล์วิดีโอตัวอย่าง ไฟล์หนังละคร มิวสิกวิดีโอ และวิดีโอจากทางบ้าน โดยไฟล์วิดีโอที่เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ส่วนมากเป็นเพียงไฟล์คลิปสั้นๆ เท่านั้น ความยาวเพียงไม่กี่นาที ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าชมได้ง่าย โดยมีการแบ่งประเภทและจัดอันดับไฟล์คลิปวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ล่าสุด ไฟล์ที่มีผู้ชมมากที่สุด ไฟล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพื่อให้ผู้ชมสามารถเลือกชมได้อย่างสะดวก เพื่อเลือกสิ่งที่พอใจสูงสุด และยังมีบริการที่สามารถดูวิดีโอได้ทีละเฟรม โดยเลือกดูส่วนใดๆ ของวิดีโอก็ได้ความน่าสนใจ ปัจจุบัน YouTube เป็นเว็บไซต์ที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างมากบนอินเตอร์เน็ต โดยในหนึ่งวันมีผู้เข้าชมเปิดคลิปวิดีโอดูถึง 100 ล้านเรื่องต่อวันและในแต่ละวันจะมีผู้เข้ามาอัพโหลดคลิปวิดีโอใหม่ๆ ถึง 65,000 วิดีโอคลิป เฉลี่ยต่อเดือนมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์นี้ถึง 20 ล้านคน ภายในเว็บไซต์ YouTube มีไฟล์วิดีโอทั้งหมดมากกว่า 6 ล้านไฟล์ โดยวิดีโอที่แพร่ภาพอยู่บน YouTube มีทั้งภาพยนตร์ คลิปจากรายการทีวี และมิวสิควิดีโอ รวมถึงวิดีโอสมัครเล่นที่เรียกว่า บล็อกวิดีโอ

ข้อจำกัดYouTube
ได้สร้างกฎเหล็กขึ้นมาว่า "ความยาวของคลิปวิดีโอที่สามารถอัพโหลดไว้บนเว็บ YouTube นั้นจะต้องไม่เกิน 10 นาที" และ "ไม่สามารถนำคลิปวิดีโอที่มีลิขสิทธิ์มาโพสต์ในนี้ได้ นอกจากผู้ที่โพสต์จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์คลิปเหล่านั้นเอง"

มีอะไรใหม่ใน Youtube"YouTube"
อัพเกรดวิดีโอไฮเดฟฯ 1080pประสบการณ์ไฮเดฟินิชั่นทำให้ผู้บริโภคต้องการรับชมวิดีโอที่มีความคมชัดสูง ขึ้น ไม่เว้นแม้ต่คลิปวิดีโอที่ให้บริการในยูทูบ (YouTube) ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเว็บไซต์ได้ยกระดับวิดีโอที่เล่นให้สามารถมีความละเอียด ที่ 720p กันไปแล้ว ล่าสุดทางยูทูบประกาศอัพเกรดอีกครั้งด้วยการเพิ่มความละเอียของวิดีโอไฮเด ฟที่เล่นเป็น 1080p (1920 x 1080)Credit : http://www.arip.co.th/news.php?id=410336Google เพิ่ม"คำบรรยาย"ใน YouTubeกูเกิ้ล (Google) ได้ประกาศแนะนำบริการใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใส่ "ข้อความบรรยาย" (caption) เข้าไปในเว็บไซต์ยูทูบ (YouTube) ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการในสัปดาห์นี้ สำหรับวัตถุประสงค์ เพื่อให้โอกาสกับผู้ชมที่มีปัญหาเรื่องการได้ยินจะได้สามารถอ่านข้อความ บรรยายแทนการฟังนั่นเองCredit : http://www.arip.co.th/news.php?id=410364
YouTube เตรียมให้บริการทีวีออนไลน์กูเกิ้ล (Google) กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับยูทูบ (YouTube) เพื่อให้บริการสตรีมมิ่งรายการทีวีกับผู้ชม ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้ยูทูบกลายเป็นคู่แข่งของการให้บริการวิดีโอ ออนดีมานด์กับยักษ์ใหญ่อย่าง ไอจูนส์ (iTunes) ของแอปเปิ้ล (Apple) และแอมะซอน.คอม (Amazon.com)นส่วนของรายละเอียดการให้บริการดังกล่าว ยูทูบจะเก็บค่าบริการจากผู้ชม 1.99 เหรียญฯ (ประมาณ 70 บาท) ต่อตอน ซึ่งปัจจุบันผู้ใช้จะสามารถชมบางรายการที่มาพร้อมกับโฆษณาได้ฟรี ในขณะที่ทางแอปเปิ้ล และคอมแคสต์ (comcast) ก็กำลังสำรวจความเป็นไปได้สำหรับการให้บริการรับชมรายการทีวีในรูปแบบสมาชิก รายเดือนในลักษณะของทีวีออนไลน์แทนการจ่ายเป็นตอนๆ แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันCredit : http://www.arip.co.th/news.php?id=410430
"Youtube" แบ่งค่าโฆษณาให้เจ้าของคลิปรายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ยูทูบ (YouTube) บริการแชร์วิดีโอที่ดังที่สุดในโลกจะเริ่มแบ่งค่าโฆษณาให้กับผู้ใช้บริการ ที่อัพโหลดคลิปที่ได้รับความสนใจเข้าชมมากที่สุด โดยไม่กำหนดว่าจะต้องเป็นเรื่องราวประเภทใดโดยเฉพาะ"ยูทูบ"กล่าวว่า จะยืดเวลาสำหรับโปรแกรมความร่วมมือที่ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการสามารถหาเงินจากการทำวิดีโอ โดยเม็ดเงินที่จะแบ่งให้นั้นขึ้นอยู่กับจำนวนของการเข้าชม และการถูกนำไปแพร่กระจายบนเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อให้คนอื่นได้ดูด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ ยูทูบถูกบ่นจากผู้ลงทุนว่า มันไม่ได้ทำเงินได้มากเท่ากับความโด่งดังเลยแม้แต่นิดเดียวและจนถึง ขณะนี้ ผู้ใช้บริการทั่วไปที่ผลิตคลิปวิดีโอ เพื่ออัพโหลดขึ้นไปบนยูทูบจะสามารถหาเงินจากเว็บไซต์ได้ เพียงแค่สมัครเป็นสมาชิกของโปรแกรมความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งยูทูบกล่าวว่า มันได้ทำเงินให้กับผู้ผลิตคลิปบางรายไปแล้วหลายพันเหรียญฯ โดยภายใต้ระบบการให้บริการใหม่ หากวิดีโอใดๆ บนยูทูบได้รับความนิยมสูง ยูทูบจะอีเมล์ไปหาผู้ผลิตด้วยข้อความว่าด้วยเรื่องของการแชร์รายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารยูทูบปฎิเสธที่จะให้ข้อมูลตัวเลขว่า ต้องมีจำนวนผู้ชมมากเท่าไร? เจ้าของคลิปถึงจะได้รับอีเมล์ เพียงแต่บอกว่า ยูทูบจะขายโฆษณาที่ติดไปกับคลิปเหล่านั้น และตกลงแบ่งรายได้กับผู้ใช้ตัวอย่าง เมื่อเร็วๆ นี้มีคลิปที่ดังไปทั่วโลกนั่นก็คือ JK wedding dance ซึ่งเป็นคลิปแสดงการเต้นรำที่สวยงามในงานแต่งงานของคู่สมรสใน Minnesota ทีมีผู้เข้าชมสูงถึง 10 ล้านครั้งภายในไม่ถึงสัปดาห์ และถูกนำไปเป็นข่าวทางทีวีอีกมากมาย ซึ่งผู้บริหารยูทูบบอกว่า เจ้าของคลิปไม่ได้เงินเลยแม้แต่เหรียญฯเดียวจากคลิปนี้สำหรับการ ยืดโปรแกรมส่งคลิปแบ่งรายได้นี้จะเริ่มเปิดให้เฉพาะในสหรัฐฯ ก่อน ซึ่งกลยุทธ์นี้จะให้ยูทูบสามารหารายได้จากวิดีโอคลิปที่อัพโหลดเข้ามาในทุกๆ วันได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป จากปัจจุบันรายได้มาจากโฆษณา และการร่วมมือกับสถานีCredit : http://www.arip.co.th/news.php?id=409815YouTube ต่อตรง"นักข่าวพลเมือง"รายงานข่าวเช้านี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ยูทูบ (YouTube) ได้แนะนำบริการใหม่ที่มีชื่อว่า YouTube Direct ด้วยบริการนี้จะทำให้นักข่าวพลเมือง (citizen reporter) สามารถเสนอผลงานคลิปวิดีโอของเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันให้กับทางสำนักข่าวต่างๆ เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมต่อการนำเสนอตลอดจนเผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือไม่ต่อไปอีกทีหนึ่งจากเหตุกรณีการเกิดแผ่นดินไหว น้ำท่วม หรือพายุฝนรุนแรง อุบัติเหตุบนทางหลวง ไปจนถึงข่าวบ้านการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แน่นอนว่า เหตุการณ์เหล่านี้ทีมข่าวอาจจะไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ เพื่อเก็บภาพ หรือทำรายงานข่าวได้ทันท่วงที แต่ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ สามารถใช้กล้องดิจิตอลที่อาจจะอยู่ในรูปแบบของกล้องที่มากับมือถือ กล้องถ่ายคลิปแบบพกพา หรือกล้องวิดีโอก็จะสามารถเก็บภาพเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านั้นได้ทันอย่างแน่นอนและด้วย YouTube Direct นักข่าวพลเมืองจะสามารถอัพโหลดคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้แล้วเข้าไปในบัญชีผู้ ใช้ของตนบนยูทูบผ่านทางเว็บไซต์สำนักข่าวได้ทันที จากนั้นบรรณาธิการของสถานี หรือเว็บไซต์จะตรวจสอบคัดกรองว่าสมควรจะนำเสนอ หรือไม่อีกทีหนึ่ง โดยคลิปวิดีโอที่ได้ผ่านการตรวจสอบแล้วจะมีลิงค์กลับไปยังเว็บไซต์ของสำนัก ข่าวนั้นๆ ด้วย "สำนักข่าวต่างๆ สามารถปรับแต่งแพลตฟอร์มของ YouTube บนเว็บไซต์ของตน เพื่อรองรับการอัพโหลดคลิปวิดีโอจากนักข่าวพลเมือง ทั้งนี้คลิปวิดีโอของนักข่าวพลเมืองที่ได้รับการยอมรับจากสำนักข่าวและได้มี การเผยแพร่แล้ว จะยังคงปรากฎอยู่แชนเนลบน YouTube ของนักข่าวพลเมืองด้วย" ยูทูบกล่าวCredit : http://www.arip.co.th/news.php?id=410348

ความสำเร็จของ YoutubeYouTube สิงหาคมยอดชมทะลุหมื่นล้านรายงานจากคอมสกอร์ (ComScore Inc) ระบุว่า ยูทูบ (YouTube) ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดวิดีโออนไลน์อันดับหนึ่ง โดยภายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สถิติยอดการรับชมวิดีโอออนไลน์จากทางเว็บไซต์ทะลุหนึ่งหมื่นล้านครั้งไปแล้ว หรือคิดเป็น 40% ของการรับชมวิดีโอออนไลน์จากทั่วโลกแม้ยูทูบจะประสบความสำเร็จในยอดการชมวิดีโอออนไลน์จากทางเว็บไซต์ แต่กูเกิ้ล (Google) เจ้าของยูทูบกลับได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากผู้ลงทุน โดยเฉพาะรายได้ที่จะมาจากเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์แห่งนี้ ซึ่งกูเกิ้ลได้ทุ่มเม็ดเงินซื้อมาด้วยมูลค่าสูงถึง 1.65 พันล้านเหรียญฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดโฆษณาบนวิดีโอออนไลน์คือเป้าหมายของการสร้างรายได้ที่สำคัญของกูเกิ้ลส่วนทางด้านคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับสองก็คือ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ซึ่งมียอดการรับชมวิดีโอออนไลน์บนเว็บไซต์ห่างกันลิบลิ่ว โดยมียอดอยู่ที่ 547 ล้านครั้ง หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 2.2% อันดับสามเป็น Viacom Inc. มียอดการชมวิดีโออยู่ที่ 539 ล้านครั้ง หรือ 2.1% ส่วนอันดับสี่ที่สามารถทำรายได้จากบริการได้อย่างค่อนข้างชัดเจนก็คือ Hulu 488 ล้านวิว หรือ 1.9% สำหรับ Hulu เป็นการร่วมลงทุนกับ NBC Universal ของ GE และ News Corpสำหรับยอดการรับชมวิดีโอออนไลน์ในช่วงเดือน สิงหาคมที่ผ่านมาจะค่อนข้างสูงเป็นพิเศษ โดยมียอดการรับชมมากกว่า สองหมื่นห้าพันล้านครั้ง (25 พันล้าน) ซึ่งสถิติที่กูเกิ้ลจับได้ยอดผู้ชมวิดีโอของ YouTube ในเดือนดังกล่าวสูงถึง 121.4 ล้านคน เฉลี่ยดูคนละประมาณ 82.8 คลิป ตามด้วยเว็บไซต์ Microsoft 54.9 ล้านคน เฉลี่ย 10 คลิปต่อคน และยาฮูอยู่ที่ 51.6 ล้านคน หรือเข้าชม 6.9 คลิปต่อคน หากคิดค่าเฉลี่ยของเวลาที่ผู้คนบนเน็ตใช้ในการชมวิดีโอออนไลน์จะอยู่ที่ 9.7 ชม.ต่อเดือน ในขณะทีค่าเฉลี่ยของวิดีโอออนไลน์จะอยู่ที่ 3.7 นาทีต่อคลิป
ข้อดีของ Youtube.com

เร็วมาก เสถียร และล่มน้อยมาก นอกจากถูกประเทศไทย บล็อคเปลี่ยน Thumbnail ได้ 3 ภาพกระบวนการแปลงไฟล์ เป็น .flv ทำได้รวดเร็วสามารถปรับ หน้าตา หรือสีของตัวเล่นได้ด้วยตัวคุณเองสามารถบันทึกวิดิโอได้จาก Webcamแสดงภาพตัวอย่างก่อนเล่นสามารถแก้ไข Code ได้ว่าจะให้เล่น อัตโนมัติ หรือ กดแล้วจึงเล่นสามารถระบุได้ว่าต้องการ เผยแพร่ หรือเก็บแบบส่วนตัวเพิ่มทราฟริกให้บล็อกคุณได้

ข้อเสียของ Youtube.com

ระหว่างการอับโหลดวิดิโอ ไม่แจ้ง ว่าอับโหลดไฟล์ไปแล้วกี่ %ทำให้เราคาดเดาไม่ใด้ว่า จะอับโหลดเสร็จตอนไหน (ผมว่าเขาทำได้นะ แต่ยังไม่ทำ)เสี่ยงต่อการถูก บล็อคจากประเทศที่ให้บริการไม่รองรับการ ดาว์นโหลดไฟล์ จากเวปไซต์ อยากได้ต้องใช้เครื่องมือ

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

E- mail คืออะไร


E-Mail ย่อมาจาก EIectronic-Mail


ระบบของ E-Mail มาจากความคิดที่ว่า ต่อไปนี้ข้อมูลข่าวสารจะถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้า และส่งไปยังผู้รับโดยไม่ต้องพึ่งระบบไปรษณีย์อีกต่อไป และจะใช้กระดาษน้อยที่สุดหรืออาจจะไม่ใช้เลยก็ได้ตามปกติแล้วการติดต่อในระบบ E-Mail จะเป็นการติดต่อกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์จากจุดส่งไปยังจุดรับ โดยอาศัยศูนย์คอมพิวเตอร์เป็นฐานเก็บข้อมูล แต่การรับข้อมูลก็สามารถทำได้โดยการใช้ระบบ Videotex, เครื่อง word process, videoterminal, เครื่องโทรสาร ฯลฯ นอกเหนือไปจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โดยลำพัง เมื่อจะส่งข้อมูล ผู้ส่งก็พิมพ์ข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ส่งผ่านโมเด็มเข้าศูนย์ข้อมูลของระบบ E-Mail โดยที่ทางจุดรับไม่จำเป็นต้องมีผู้รับอยู่ ทางจุดรับอาจจะเปิดเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้อยู่ตลอดเวลาก็ได้ถ้าต้องการเพื่อทำการรับข้อมูลทันที หรืออาจจะปิดเครื่อง แต่ก็สามารถเรียกดูข้อมูลตามเวลาที่ต้องการเมื่อไรก็ได้ โดยการใช้รหัสประจำตัว
การใช้ระบบ E-Mail มีข้อได้เปรียบกว่าการสื่อสารแบบปกติดังนี้
1. รวดเร็ว เชื่อถือได้ และสะดวกในการสื่อสารมากกว่าระบบไปรษณีย์ธรรมดา

2. ลดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารได้เป็นอย่างมาก
3. ตามปกติแล้วจะเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช้กระดาษเลยนอกจากในบางครั้งต้องการจะเก็บข้อมูลไว้เป็นเอกสาร ก็สามารถบันทึกลงกระดาษเก็บไว้ได้
4. ไม่มีการเคลื่อนย้ายทางด้านกายภาพจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ทำให้ไม่เปลืองเวลา
5. เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งข้อมูลทางโทรศัพท์ ไม่จำเป็นต้องมีผู้รับปลายทางอยู่ด้วย ข้อมูลสามารถส่งไปเก็บและส่งต่อไปยังผู้รับในภายหลังจากสถานที่ใดก็ได้
6. อาจมีการขยายเครือข่ายเป็นการประชุมย่อยได้

webboard คืออะไร


Webboard คืออะไร?


WebBoard คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่ในลักษณะเป็น กระดานสนทนาเป็นกระดานแจ้งข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน โดยใช้รูปแบบการแสดงผล HTML ที่นิยมใช้ใน World Wide Web.. WebBoard อนุญาตให้ผู้เยี่ยมชมเวปไซต์ และผู้พัฒนาเวปไซต์ สามารถตั้งหัวข้อกระทู้ เพื่อประกาศข่าวสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ซึ่งจะมีความแตกต่างจาก GuestBook ตรงที่ WebBoard จะสามารถแยก หัวข้อต่างๆ ออกเป็นกระทู้ๆ มีความโต้ตอบกันในการสนทนา ในหัวข้อเดียวกันมากกว่า กล่าวได้ว่า WebBoard คือพัฒนาการในรูปแบบใหม่ ของระบบการสนทนาใน BBS (Bulletin Board System) ที่เคยได้รับความนิยม ก่อนที่ระบบเครือข่าย Internet จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น WebBoard ที่พบเห็นกัน มีอยู่หลายรูปแบบ
ข้อดีของการใช้ Webboard
* เป็นช่องทางในการติดต่อ ประกาศข่าวสาร ข้อมูล และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้
* ทำให้เกิดสังคม ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ระหว่างกลุ่มผู้เยี่ยมชม
* ผู้พัฒนาโฮมเพจ สามารถใช้เป็นช่องทางในการ ประกาศข่าวใหม่ๆ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่นได้
* ง่ายในการใช้งาน แม้จะเป็นผู้เริ่มต้น เมื่อเทียบกับการใช้ Mailing list หรือ News Group

MSM คืออะไร

MSN Messenger คืออะไร?


ทางนี้มีคำตอบ เจ้า MSN Messenger หรือที่ เราชอบเรียกกันว่า msn เนี่ย มันก็คือ โปรแกรมส่งข้อความข้าม ระบบเน็ทเวิร์ค แบบทันทีทันใด หรือภาษาฝรั่งเรียกว่า IM (Instant Messenger) ถ้าคุณเคยเล่นโปรแกรม ICQ IRC หรือ Pirch ก็เข้าข่ายเป็นโปรแกรมพวกเดียวกัน ทีนี้ทำไม เจ้า msn เนี่ยมันถึงฮิตติดชารจ์ขึ้นมา ก็เนื่องจากความง่ายของการใช้งาน เช่นคุณแค่มี E-mail ของ hotmail หรือ msn คุณก็สามารถเล่นเจ้า msn ได้ทันที แถมมันยังผนวกกับ email ของเราซะอีก โดยที่ เมื่อใดก็ตามที่มีเมล์ เข้ามาถึงเรา เจ้า msn มันก็จะแจ้ง ให้คุณทราบทันที นอกจากนั้น ความเร็วของการ รับและส่งข้อความระหว่างกัน ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว หน้าตาโปรแกรมที่สวยงาม แถมเวอร์ชันใหม่ เรายังสามารถใส่รูปของเราได้อีกด้วย! แจ๋วจริงๆ แฮะจากรูปด้านบน คือหน้าตาของโปรแกรม msn ครับซึ่งจะแบ่งออกเป็นสองส่วน1. หน้าต่างหลัก: ที่หน้าต่างนี้จะแสดงชื่อของเพื่อนๆ เราครับ ทั้งคนที่ online และ offline ซึ่งเวลาเราจะคุยกับเพื่อนคนไหน ก็สามารถดับเบิ้ลคลิ๊ก ที่ชื่อแล้ว หน้าต่างอีกอันจะแสดงขึ้นมา (รูปด้านขวามือ) เราก้อสามารถพิมพ์ข้อความส่งให้เพื่อนได้ทันที2.หน้าต่างที่เราคุยกับเพื่อน: ที่หน้าต่างนี้เราสามารถพิมพ์ข้อความ คุยกับเพื่อนได้ทันที แล้วคุณยังสามารถให้ msn แสดงรูปภาพของเรา โดยที่ ทางฝั่งเพื่อนของเรา ก็จะเห็นรูปดังกล่าวเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถส่ง icon ต่างๆ เพื่อสื่ออารมณ์ เพิ่มความสนุกสนานในการ chat ได้อีกด้วยอ้อ! ที่สำคัญก่อนใช้เนี่ย ผู้ใช้ต้องมี Email ของ Hotmail หรือ MSN ก่อนนะ หากใครไม่มี ต้องไปสมัครที่ www.hotmail.com ก่อนนะข้อมูลได้มาจาก www.thaimsn.net.com


Blog คืออะไร

Blog คืออะไร?
blog คืออะไรเป็นคำรวมมาจากคำว่า (weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"

บล็อก เป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มา blogบล็อกได้เริ่มมีบทบาท มากขึ้นในปัจจุบันในวงการสื่อมวลชนในหลายประเทศ เนื่องจากระบบแก้ไขที่เรียบง่าย และสามารถตีพิมพ์เรื่องราวได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนเว็บไซต์ โดยนอกเหนือจากที่ผู้เขียนข่าวส่งผลงานให้กับทางสื่อแล้ว ยังได้มาเขียนข่าวในอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูล หรือแนวความคิด โดยการเขียนบล็อกสามารถเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนได้รวดเร็วและเสียค่าใช้จ่าย น้อยกว่า สื่อในด้านอื่น ข่าวที่นิยมในการเขียนบล็อกต่อสื่อมวลชน ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะเรื่องซุบซิบวงการดารา ข่าวการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น
ประโยชน์ blog
1. การใช้ Blog เพื่อประสานงานภายในองค์กรใช้ Blog เป็นที่ทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ เช่นใช้เป็นพื้นที่ให้ทีมงานแต่ละคนของ Project นั้น ๆ เข้ามาทำ Brain Storming หรือ update ความคืบหน้าของโปรเจคท์ โดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำ report ต่าง ๆ อย่างเป็นทางการแทนการประสานงานต่าง ๆ ด้วยวิธีส่งอีเมล์หากัน ซึ่งการใช้ Blog มาแทนที่การใช้อีเมล์ ทำให้ไม่ต้องมานั่งค้นหาเมล์เก่า ๆ จากในโปรแกรมอย่าง outlook express เพราะ Blog สามารถอ่านบทความย้อนหลังได้ง่าย และสามารถแยกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจน
2. ใช้ Blog เพื่อบริหารจัดการข้อมูลความรู้ต่าง ๆBlog มีประโยชน์ในทั้งสองทางคือทั้งผู้อ่าน Blog และผู้เขียน Blog โดยปกติแล้ว Blog เป็นช่องทางให้ผู้อ่านสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ จาก Blog ของเราได้ง่าย โดยสามารถใช้เป็น knowledge base ภายในองค์กรต่าง ๆ ได้ แต่ในทางกลับกัน ผู้เขียน Blog หรือ Blogger ก็ต้องคอยหาข้อมูลมาเขียน ดังนั้น Blog จึงเปรียบเสมือนเป็นช่องทางการเรียนรู้ ที่ไม่มีวันสิ้นสุดฃ
3. ใช้ Blog เป็นช่องทางในการหาบุคลากรมาร่วมทำงานด้วย (Recruitment)ถ้า คุณวางภาพลักษณ์บริษัทของคุณว่าเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจแล้ว ผู้คนที่อยู่ในสายงานธุรกิจเดียวกันกับคุณก็จะให้ความสนใจใน Blog ของคุณด้วย เพราะคนเหล่านั้นก็ต้องการ update ข่าวสารในวงการให้กับตัวเองเหมือนกันหากคนเหล่านี้เข้ามาโต้ตอบหรือพูดคุยกันใน Blog ของคุณ คุณอาจจะเห็นแววของบุคลากรที่น่าสนใจ และชักชวนเขาเพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพให้กับองค์กรของคุณก็เป็นได้
4. ใช้ Blog เพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ หรือไอเดียใหม่ๆด้วย ความที่ Blog ดูเป็นกันเอง จึงให้ความรู้สึกที่ไม่เป็นทางการออกมาได้อย่างไม่ขัดเขิน ดังนั้นบริษัทของคุณสามารถเอา feedback ต่าง ๆ ที่กลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าของคุณ มาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ เช่น คุณสามารถลองนำเสนอไอเดียใหม่ ๆ ลงไปใน Blog แล้วดูว่าจะมีผู้คนสนใจมาน้อยแค่ไหน หรือว่าให้ feedback กลับมายังไงบ้าง
วิธีใช้ blogผู้ ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์เหมือนการใช้งานและ อ่านเว็บไซต์ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียนหลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อกถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันทีผู้เขียนบล็อกใน ปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อกสำหรับผู้อ่านบล็อกจะ ใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็นได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลง ทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่านบล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบฟีด ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านบล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น